tag:blogger.com,1999:blog-27020632811900815352024-02-18T17:36:16.417-08:00เรียนครูUnknownhttp://www.blogger.com/profile/02289081355215787853noreply@blogger.comBlogger2125tag:blogger.com,1999:blog-2702063281190081535.post-47565131895873128142012-02-18T20:12:00.000-08:002012-02-19T00:52:12.433-08:00ความรู้เกี่ยวกับ Social Network<div style="text-align: left;">
<b><b><span style="color: yellow;"><span style="font-family: Times; font-size: large;"> </span></span></b></b></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEitViIQGNRO9fbWD_pz4DY0DzGBR1vRxPUbs-JgeZmvdkMaS0V4lLa6FLHY8GguutArioObm23bRVJHZp_cdHL7CoIrvwQHo1UjmAKxn2g2vFlqpTkcdF6pzM3Xk2qxU0oubtCyJY8STEFa/s1600/8_001.gif" imageanchor="1" style="clear: right; float: right; margin-bottom: 1em; margin-left: 1em;"><img border="0" height="200" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEitViIQGNRO9fbWD_pz4DY0DzGBR1vRxPUbs-JgeZmvdkMaS0V4lLa6FLHY8GguutArioObm23bRVJHZp_cdHL7CoIrvwQHo1UjmAKxn2g2vFlqpTkcdF6pzM3Xk2qxU0oubtCyJY8STEFa/s200/8_001.gif" width="166" /></a><b></b></div>
<div style="text-align: left;">
<b><b><span style="color: yellow;"><span style="font-family: Times; font-size: large;"><br /></span></span></b></b></div>
<div style="text-align: left;">
<b><b><span style="color: yellow;"><span style="font-family: Times; font-size: large;"><br /></span></span></b></b></div>
<div style="text-align: left;">
<b><b><span style="color: yellow;"><span style="font-family: Times; font-size: large;"><br /></span></span></b></b></div>
<div style="text-align: left;">
<b><b><span style="color: yellow;"><span style="font-family: Times; font-size: large;"> ความหมายของ </span><span style="font-family: Times; font-size: large;">Social Network </span></span></b></b></div>
<br />
<span style="text-align: center;"></span><br />
<div style="text-align: left;">
<span style="font-family: Times;"><b> </b></span></div>
<div style="text-align: left;">
<span style="font-family: Times;"><b> Social Network คือ การที่ผู้คนสามารถทำความรู้จัก และเชื่อมโยงกันในทิศทางหนึ่ง หากเป็นเว็บไซค์ที่เรียกว่าเว็บ </b></span><span style="text-align: center;"><div style="display: inline !important; text-align: left;">
<span style="font-family: Times;"><b>Social Network คือเว็บที่เชื่อมโยงผู้คนไว้ด้วยกันนั้นเอง</b></span></div>
</span></div>
<div style="text-align: left;">
<span style="text-align: center;"><div style="display: inline !important; text-align: left;">
<span style="font-family: Times;"><b><br /></b></span></div>
</span></div>
<div style="text-align: left;">
<span style="text-align: center;"><div style="display: inline !important; text-align: left;">
<span style="font-family: Times;"><b><br /></b></span></div>
</span></div>
<div style="text-align: left;">
<span style="text-align: center;"><div style="display: inline !important; text-align: left;">
<span style="font-family: Times;"><b><br /></b></span></div>
</span></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjEGDjjyXr1D2xx8L8uxkr9W4CypzA7JVzSZOa7qYOLVQKFMWTMaAgj_WXyQiEgvDqZ1sOqzQUTYUFl5cbesPTe6h7X9fByGrRaCETNfI5Lug_5u-omMcuJ36Rx0Q8qTKBG37gvCRephH5P/s1600/503716476_1f5b55bc13.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="240" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjEGDjjyXr1D2xx8L8uxkr9W4CypzA7JVzSZOa7qYOLVQKFMWTMaAgj_WXyQiEgvDqZ1sOqzQUTYUFl5cbesPTe6h7X9fByGrRaCETNfI5Lug_5u-omMcuJ36Rx0Q8qTKBG37gvCRephH5P/s320/503716476_1f5b55bc13.jpg" width="320" /></a></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<br /></div>
<div style="text-align: left;">
<span style="text-align: center;"><div style="display: inline !important; text-align: left;">
<span style="font-family: Times;"><b><br /></b></span></div>
</span></div>
<br />
<span style="color: #424242; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif;"><span style="font-size: 14px; line-height: 20px;"><b><br /></b></span></span><br />
<b style="background-color: white; color: #424242; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif; font-size: 14px; line-height: 20px;"> </b><br />
<div style="text-align: left;">
<span style="font-family: tahoma;"><b><span style="color: yellow; font-size: large;"> ความสำคัญ ของ Social Network</span></b></span></div>
<span style="font-family: tahoma;"><b><span style="color: yellow; font-size: large;"><br /></span></b></span><br />
<span style="background-color: white; color: #424242; font-family: Arial, Helvetica, sans-serif; font-size: 14px; line-height: 20px;"><b> </b></span><span style="font-family: Tahoma;"><b>ในปัจจุบันนี้ใคร ๆ ก็มีเครือข่ายออนไลน์กันทั้งนั้น… ไม่ว่าจะเป็นเฟชบุ๊ค (Facebook) , ทวิตเตอร์ (Twitter) หรืออื่น ๆ มากมาย จากความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนสู่เพื่อนกลายเป็นความสัมพันธ์ของกลุ่มสังคม และเป็นความสัมพันธ์ที่กว้างไกลไปทั้งโลก… นี่คือความมหัศจรรย์ของเครือข่ายบนโลกออนไลน์</b></span><br />
<b><span style="font-family: Tahoma;"> เมื่อสิบปีที่แล้ว คงไม่มีใครคาดคิดว่ามันจะกลายมามีอิทธิพลต่อชีวิตของมนุษย์เราขนาดนี้…….. ในปี 2010 ที่ทั่วโลกเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจถดถอย แต่ในโลกของวงการอินเทอร์เน็ตกลับไม่ได้ถดถอยลงเลย สังเกตุได้จากในปีที่ผ่านมา Social Network เริ่มเข้ามามีบทบาทและมีอิทธิพลกับชีวิตประจำวันของเรามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการใช้ Facebook , Twitter เราจะเริ่มเห็นการอ้างอิงแหล่งข้อมูลจะมาจากเว็บประเภท Social Network หรือ Blog Marketing กันมากขึ้น</span>
</b><br />
<span style="font-family: Tahoma;"><b> โลกได้เปลี่ยนไปแล้วอย่างที่ไม่มีวันหวนกลับคืน คุณจะไม่มีวันหนีโลก “ออนไลน์” พ้น ในวันหนึ่งชีวิตของตัวคุณจะต้องถูก “ดิจิไทซ์” และกลายเป็นส่วนหนึ่งของโลก “ออนไลน์” หลังจากนี้ เครื่องคอมพิวเตอร์พีซีจะถึงกาลอวสานของมัน มนุษย์ทุกคนจะมีเครื่องโน๊ตบุ๊ก เน็ตบุ๊ก หรืออะไรที่ใกล้เคียง เช่น โทรศัพท์มือถือ ที่สามารถพกพาติดตัวไปได้ตลอดเวลา และ “ออนไลน์” ได้ตลอดเวลา……… กระแสที่กำลังเกิดขึ้นในหลากหลายประเทศที่ว่า “การเข้าถึงอินเตอร์เน็ตเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของพลเมือง” จะกลายเป็นกระแสโลก และก่อนที่คุณจะรู้ตัว คุณก็จะพบว่ารอบตัวของคุณได้กลายเป็นสังคมเครือข่ายแบบ “ออนไลน์” กันไปหมดแล้ว</b></span><br />
<span style="font-family: Tahoma;"><b><br /></b></span><br />
<span style="font-family: Tahoma;"><b><br /></b></span><br />
<span style="font-family: Tahoma;"><b><br /></b></span><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
</div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<br /></div>
<span style="color: yellow; font-family: Times; font-size: large;">ความเป็นมาของ Social Network</span><br />
<br />
<span style="font-family: Times;"><strong> จุดเริ่มต้นของสังคมออนไลน์เกิดขึ้นจากเว็บไซต์ Classmates.com <br />เมื่อปี 1995 และเว็บไซต์SixDegrees.com ในปี 1997 ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่จำกัดการใช้งานเฉพาะนักเรียนที่เรียนในโรงเรียนเดียวกัน เพื่อสร้างประวัติ ข้อมูลการสื่อสาร ส่งข้อความ และแลกเปลี่ยนข้อมูลที่สนใจร่วมกันระหว่างเพื่อนนักเรียนในลิสต์เท่านั้น ต่อมาในปี 1999 เว็บไซต์ epinions.com ที่พัฒนาโดย Jonathan Bishop ก็ได้มีการเพิ่มฟังก์ชั่นในส่วนของการที่ผู้ใช้สามารถควบคุมเนื้อหาและติดต่อถึงกันได้ ไม่เพียงแต่เพื่อนในรายชื่อเท่านั้น</strong></span><br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
</div>
<span style="color: yellow; font-family: Times, 'Times New Roman', serif; font-size: large;"> ประเภทของ Social Network </span><br />
<br />
<br />
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhLlpzUG_6ZuA-t9YIt5E5pd2TPlf1mh-OolFFML9QyWT7lOAPf1c7l549aVkmtAXMX2chBg0Gu0yLp76phVJ79ZR5to9xtQkfCxD39CKStedfOyU_MSLraMaq8QUqjyPLTjt3kR7-hj9Q7/s1600/8_013.gif" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="200" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhLlpzUG_6ZuA-t9YIt5E5pd2TPlf1mh-OolFFML9QyWT7lOAPf1c7l549aVkmtAXMX2chBg0Gu0yLp76phVJ79ZR5to9xtQkfCxD39CKStedfOyU_MSLraMaq8QUqjyPLTjt3kR7-hj9Q7/s200/8_013.gif" width="166" /></a> <b>1 .Identity Network เผยแพร่ตัวตน เช่น Hi5, MySpace, Facebook เป็นต้น ใช้สำหรับนำเสนอตัวตน และเผยแพร่เรื่องราวของตนเองทางอินเตอร์เน็ทสามารถสร้างอัลบั้มรูปของตัวเอง สร้างกลุ่มเพื่อน และสร้างเครือข่ายขึ้นมาได้</b><br />
<b> 2. Creative Network เผยแพร่ผลงาน เช่น YouTube,Flickr, Multiply เป็นต้น สามารถนำเสนอผลงานของตัวเองได้ในรูปแบบของวีดีโอ ภาพ หรือเสียงเพลง</b><br />
<b> 3. Interested Network ความสนใจตรงกัน เช่น del.icio.us, Digg, Zickr เป็นต้น </b><br />
<b>del.icio.us เป็น Online Bookmarking หรือ Social Bookmarking โดยเป็นการ Bookmark เว็บที่เราสนใจไว้บนอินเทอร์เน็ตสามารถแบ่งปันให้คนอื่นดูได้และยังสามารถบอกความนิยมของเว็บไซด์ต่างๆได้ โดยการดูจากจำนวนตัวเลขที่เว็บไซต์นั้นถูก Bookmark เอาไว้จากสมาชิกคนอื่นๆ</b><br />
<b>Digg นั้นคล้ายกับ del.icio.us แต่จะมีให้ลงคะแนนแต่ละเว็บไซด์ และมีการ Comment ในแต่ละเรื่อง</b><br />
<b>Zickr ถูกพัฒนาขึ้นมาโดยคนไทย เป็นเว็บลักษณะเดียวกับ Digg แต่เป็นภาษาไทย </b><br />
<b> 4. Collaboration Network ร่วมกันทำงาน คือเป็นการร่วมกันพัฒนาซอฟต์แวร์หรือส่วนต่างๆของซอฟต์แวร์ เช่น WikiPedia ,Google Maps เป็นต้น</b><br />
<b>WikiPedia เเป็นสารานุกรมออนไลน์ขนาดใหญ่ที่รวบรวมความรู้ ข่าวสาร และเหตุการณ์ต่างๆ ไว้มากมาย </b><br />
<b> ปัจจุบันเราสามารถใช้ Google Maps สร้างแผนที่ของตัวเอง หรือจะแบ่งปันแผนที่ให้คนอื่นได้ใช้ด้วย จึงทำให้มีสถานที่สำคัญ หรือสถานที่ต่างๆ ถูกปักหมุดเอาไว้ พร้อมกับข้อมูลของสถานที่นั้นๆ ไว้แสดงผลจากการค้นหา</b><br />
<b> 5. Gaming/Virtual Reality โลกเสมือน เช่น SecondLife ,World WarCraft </b><br />
<b>ตัวอย่างของโลกเสมือนนี้ มันก็คือเกมส์ออนไลน์นั่นเองครับ SecondLife เป็นโลกเสมือนจริง สามารถสร้างตัวละครโดยสมมุติให้เป็นตัวเราเองขึ้นมาได้ ใช้ชีวิตอยู่ในเกมส์ อยู่ในชุมชนเสมือน (Virtual Community) สามารถซื้อขายที่ดิน และหารายได้จากการทำกิจกรรมต่างๆ ได้</b><br />
<b> 6. Peer to Peer (P2P) เช่น Skype, BitTorrent เป็นต้น</b><br />
<b>P2P เป็นการเชื่อมต่อกันระหว่าง Client (เครื่องผู้ใช้, เครื่องลูกข่าย) กับ Client โดยตรง โปรแกรม Skype จึงได้นำหลักการนี้มาใช้เป็นโปรแกรมสนทนาผ่านอินเตอร์เน็ต และก็มี BitTorrent เกิดขึ้นมาเป็นเทคโนโลยีที่ทำให้เกิดการแบ่งปันไฟล์ต่างๆ ได้อย่างกว้างขวาง และรวดเร็ว แต่ทว่ามันก็ก่อให้เกิดปัญหาเรื่องการละเมิดลิขสิ</b><br />
<b><br /></b><br />
<span itemprop="name"><span style="color: yellow; font-family: Times, 'Times New Roman', serif; font-size: large;"><strong><span style="color: yellow;"><span style="color: yellow;"><a href="http://www.blogger.com/reviews/item/5" itemprop="url" rel="bookmark"><span style="color: yellow;">ประโยชน์ของ Social Network</span></a> </span> </span> </strong></span></span><br />
<b><br /></b><br />
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhOvjJbvDoziLU_LBBegJrjQBC4AsJBhFTWx2Ym_mqwRwaLh-UfnHE0KjKbsoY1HzP-tfvuf3q-hpyHkc7ED_QPvEBpHmrobTRjFn3lETkdxiKxD7xNr4z_Um1WGoTmH3EZ-IMEkdU3cmXK/s1600/yenta4-emoticon-0027.gif" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhOvjJbvDoziLU_LBBegJrjQBC4AsJBhFTWx2Ym_mqwRwaLh-UfnHE0KjKbsoY1HzP-tfvuf3q-hpyHkc7ED_QPvEBpHmrobTRjFn3lETkdxiKxD7xNr4z_Um1WGoTmH3EZ-IMEkdU3cmXK/s1600/yenta4-emoticon-0027.gif" /></a><b> </b><br />
<b><span style="color: yellow;">ข้อดีของ Social Network</span> </b><br />
<b><br /></b><br />
<b><br /></b><br />
<b>- สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้ในสิ่งที่สนใจร่วมกันได้</b><br />
<b>เป็นคลังข้อมูลความรู้ขนาดย่อมเพราะเราสามารถเสนอและแสดงความคิดเห็น แลกเปลี่ยนความรู้ หรือ</b><br />
<b>- ตั้งคำถามในเรื่องต่างๆ เพื่อให้บุคคลอื่นที่สนใจหรือมีคำตอบได้ช่วยกันตอบ </b><br />
<b>- ประหยัดค่าใช้จ่ายในการติดต่อสื่อสารกับคนอื่น สะดวกและรวดเร็ว</b><br />
<b>- เป็นสื่อในการนำเสนอผลงานของตัวเอง เช่น งานเขียน รูปภาพ วีดิโอต่างๆ เพื่อให้ผู้อื่นได้เข้ามารับชมและแสดงความคิดเห็น </b><br />
<b>- ใช้เป็นสื่อในการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ หรือบริการลูกค้าสำหรับบริษัทและองค์กรต่างๆ ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้า</b><br />
<b>- ช่วยสร้างผลงานและรายได้ให้แก่ผู้ใช้งาน เกิดการจ้างงานแบบใหม่ๆ ขึ้น</b><br />
<b><br /></b><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
</div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhZdLboE4ZK9z9eGVTYylF4z6yKtfH2dIc8TnIuKdqfc4TvHEwbYzyRX4a4ktTnTG5qzfcZFC7nwZt6ixRGNZ5G_XHM0pM8nq6WnrnHdUyO1A_1hZkoqJflVb5mdMXPunK3ALiykwSkNwYk/s1600/yenta4-emoticon-0006.gif" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhZdLboE4ZK9z9eGVTYylF4z6yKtfH2dIc8TnIuKdqfc4TvHEwbYzyRX4a4ktTnTG5qzfcZFC7nwZt6ixRGNZ5G_XHM0pM8nq6WnrnHdUyO1A_1hZkoqJflVb5mdMXPunK3ALiykwSkNwYk/s1600/yenta4-emoticon-0006.gif" /></a></div>
<b> </b><b> </b><br />
<b><span style="color: yellow;">ข้อเสียของ Social Network </span></b><br />
<span style="color: yellow;"><b><br /></b></span><br />
<span style="color: yellow;"><b><br /></b></span><br />
<b>- เป็นช่องทางในการถูกละเมิดลิขสิทธิ์ ขโมยผลงาน หรือถูกแอบอ้าง เพราะ Social Network Service </b><br />
<b>- เป็นสื่อในการเผยแพร่ผลงาน รูปภาพต่างๆ ของเราให้บุคคลอื่นได้ดูและแสดงความคิดเห็น </b><br />
<b>ข้อมูลที่ต้องกรอกเพื่อสมัครสมาชิกและแสดงบนเว็บไซต์ในรูปแบบ Social Network ยากแก่การตรวจสอบว่าจริงหรือไม่ ดังนั้นอาจเกิดปัญหาเกี่ยวกับเว็บไซต์ที่กำหนดอายุการสมัครสมาชิก หรือการถูกหลอกโดยบุคคลที่ไม่มีตัวตนได้</b><br />
<b>- เป็นช่องทางในการถูกละเมิดลิขสิทธิ์ ขโมยผลงาน หรือถูกแอบอ้าง เพราะ Social Network Service</b><br />
<b>- เป็นสื่อในการเผยแพร่ผลงาน รูปภาพต่างๆ ของเราให้บุคคลอื่นได้ดูและแสดงความคิดเห็น </b><br />
<strong><span style="font-size: large;"><span style="color: red;">***</span><span style="color: yellow;">สรุป</span></span></strong><br />
<b> เรื่องของ Social Network นั้นไม่ใช่เรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นมาใหม่ แต่เป็นเรื่องที่แทรกซึมเข้ามาสู่ชีวิตประจำวันของเราทีละน้อยแบบไม่รู้ตัวมานานแล้ว เว็บไซต์ที่เราเข้าไปใช้งานเกือบทุกเว็บได้ผันตัวเองจากผู้ให้บริการข้อมูล มาเป็นผู้ให้บริการระบบที่เปิดโอกาสให้สมาชิกได้เข้ามามีส่วนร่วมในการผลิตข้อมูลด้วยตัวเอง จนกระทั่งเป็น Social Network Site หรือเว็บไซต์ชุมชุนออนไลน์ อย่างสมบูรณ์แบบในที่สุด </b><br />
<b> Social Network Service นั้นเป็นการบริการเครือข่ายสังคมออนไลน์บนเว็บไซต์ที่เปิดให้ผู้คนหลากหลายเข้ามาใช้บริการร่วมกัน ให้กลุ่มคนเหล่านั้นสามารถทำความรู้จัก แลกเปลี่ยนความคิดเห็นหรือเชื่อมโยงข้อมูลกิจกรรมความสนใจในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง โดยในบริการสังคมออนไลน์นั้นมักจะประกอบไปด้วย การส่งข้อความ ภาพ เสียง วิดีโอ เป็นต้น </b><br />
<b><br /></b><br />
<b> Social Network ยังเป็นรูปแบบการใช้ชีวิตแบบใหม่ที่ลบขีดจำกัดทางด้านเวลา ระยะทาง และงบประมาณฯ จึงได้รับการตอบรับอย่างรวดเร็ว ซึ่งในประโยชน์ที่มีมากมายนั้น ก็มีโทษอยู่มากมายเช่นกัน ดังนั้น ก่อนที่เราจะเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการใช้เว็บไซต์ Social Network ใดก็ตาม ก็ควรที่จะทำการศึกษาเรื่องของการรักษาความปลอดภัยด้านข้อมูลความเป็นส่วนตัวของตนให้ดีซะก่อน มิฉะนั้นอาจเกิดปัญหาโจรกรรมหรืออาชญากรรมในภายหลังได้นะคะ</b><br />
<b><br /></b><br />
<strong><span style="color: yellow;">*</span><span style="color: red;">หากต้องการรู้จักและเข้าใจเรื่องราวของ Social Network มากยิ่งขึ้นก็สามารถรับชมวิดีโอ</span></strong><br />
<strong><span style="color: red;">ด้านล่างนี้ได้</span></strong><br />
<b><br /></b><br />
<b><br /></b><br />
<b><br /></b><br />
<b><br /></b><br />
<div style="text-align: center;">
<strong><span style="color: red;">เรื่องของ Social Network ตอนที่ 1</span></strong></div>
<div style="text-align: center;">
<b><br /></b></div>
<b> <iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="http://www.youtube.com/embed/ZNNqVB9mOk0" width="420"></iframe></b><br />
<b><br /></b><br />
<b><br /></b><br />
<b><br /></b><br />
<div align="center">
<span style="color: red;"><b>เรื่องของ Social Network ตอนที่ 2</b></span></div>
<b><br /></b><br />
<b><br /></b><br />
<div style="text-align: center;">
<b> <iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="http://www.youtube.com/embed/2OOhdo-97q0" width="420"></iframe></b></div>
<div style="text-align: center;">
<b><br /></b></div>
<div style="text-align: center;">
<b><br /></b></div>
<div style="text-align: left;">
<b>ที่มา: <a href="http://shitamasa.multiply.com/reviews/item/3">http://shitamasa.multiply.com/reviews/item/3</a></b></div>
<div style="text-align: left;">
<b> <a href="http://keng.com/2008/08/09/what-is-social-networking/">http://keng.com/2008/08/09/what-is-social-networking/</a></b><br />
<b> <a href="http://lastberry.myfri3nd.com/blog/2008/04/05/entry-1">http://lastberry.myfri3nd.com/blog/2008/04/05/entry-1</a></b><br />
<b> <a href="http://www.fis.ru.ac.th/twitter/twitter.pdf">http://www.fis.ru.ac.th/twitter/twitter.pdf</a></b><br />
<b> </b><a href="http://www.thaigoodview.com/library/contest2553/type1/tech03/26/importance.html">http://www.thaigoodview.com/library/contest2553/type1/tech03/26/importance.html</a></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhpK1TvevzPfdiwvdXvtMnh1f-uI-QCzNk70gXGWxOctjGuzlA5VzCPOkvuxSuwaQnWwtZCTsxdEAvZEew5q3YyRNLw1TQaf9CWQxFq-rPU9bbptEZ_Ov947bBW8m1K3708G01i5ABU0dP1/s1600/ribbon-line-053.gif" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="112" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhpK1TvevzPfdiwvdXvtMnh1f-uI-QCzNk70gXGWxOctjGuzlA5VzCPOkvuxSuwaQnWwtZCTsxdEAvZEew5q3YyRNLw1TQaf9CWQxFq-rPU9bbptEZ_Ov947bBW8m1K3708G01i5ABU0dP1/s640/ribbon-line-053.gif" width="640" /></a></div>
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiCUcAiC8exYCVHFvrsJOOl2QSF03_RrpyZK5D0W6IlCClrv9DP0cb2A8LecLl2dUWm6RTFiwho13r3UkHvYJJUjAfrejAYmKff0gJWIQWnolMe84cSGgUBCMGRnso2-0eqP5MgzC3nS3Jo/s1600/104881632.jpeg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiCUcAiC8exYCVHFvrsJOOl2QSF03_RrpyZK5D0W6IlCClrv9DP0cb2A8LecLl2dUWm6RTFiwho13r3UkHvYJJUjAfrejAYmKff0gJWIQWnolMe84cSGgUBCMGRnso2-0eqP5MgzC3nS3Jo/s1600/104881632.jpeg" /></a></div>
<br />Unknownhttp://www.blogger.com/profile/02289081355215787853noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-2702063281190081535.post-84633584307079183952012-02-08T07:33:00.000-08:002012-02-08T07:59:32.711-08:00ความรู้ เรื่องอินเตอร์เน็ต<span style="color: #351c75; font-family: Tahoma, Arial, Helvetica, sans-serif; font-size: large;"><b><br /></b></span><br />
<span style="color: #351c75; font-family: Times, 'Times New Roman', serif;"><b></b></span><br />
<span style="font-family: Times, 'Times New Roman', serif;"><b><span style="color: yellow; font-size: large;">ความหมาย</span></b></span><br />
<span style="font-family: Times, 'Times New Roman', serif;"><b><span style="color: #351c75;"> </span> อินเทอร์เน็ต (Internet) หมายถึง เครือข่ายคอมพิวเตอร์นานาชาติ ที่มีสายตรงเชื่อมต่อไปยังสถาบันหรือหน่วยงานต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้ทั่วโลก. ผู้ใช้เครือข่ายนี้สามารถสื่อสารถึงกันได้ทางอีเมล์ สามารถสืบค้นข้อมูลและสารสนเทศ รวมทั้งคัดลอกแฟ้มข้อมูลและโปรแกรมมาใช้ได้. อย่างไรก็ตาม มีผู้เปรียบเทียบว่า อินเทอร์เน็ตเป็นเหมือนทางหลวงระหว่างประเทศ แต่ละประเทศจะต้องมีถนนเข้ามาเชื่อมต่อเข้าไปในประเทศ กล่าวคือ จะต้องมีเครือข่ายภายในรับช่วงต่ออีกทอดหนึ่ง (เช่น เครือข่ายภายในมหาวิทยาลัย, องค์กร หรือเครือข่ายของผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต) มิฉะนั้นก็จะใช้ไม่ได้ผล </b></span><br />
<br />
<span style="background-color: white;"><span style="font-family: Times, 'Times New Roman', serif;"><br /></span></span><br />
<div style="text-align: center;">
<strong style="background-color: white; font-family: 'MS Sans Serif'; font-size: 13px; line-height: 18px;"><span style="color: #990000;">แผนผังการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต</span></strong>
</div>
<span style="background-color: white; font-family: Tahoma, Arial, Helvetica, sans-serif; font-size: 14px;"><br /></span><br />
<span style="background-color: white; color: #fe75a1; font-family: Tahoma, Arial, Helvetica, sans-serif; font-size: 14px;"><br /></span><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjYXUPzAktO14tDwmox2QEyB-lDu0HtAw8lnzq6hyphenhyphenpJyUkI70C6eXzyqc4kqPe1AmeTCyTqBt_nYoc-GWZ8DQFlCISJdQ7-yIelO6llaYTmsTzf2M-I0YtT-I8OeyPYNS2OCG4REfJzwJ45/s1600/inter01.gif" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="302" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjYXUPzAktO14tDwmox2QEyB-lDu0HtAw8lnzq6hyphenhyphenpJyUkI70C6eXzyqc4kqPe1AmeTCyTqBt_nYoc-GWZ8DQFlCISJdQ7-yIelO6llaYTmsTzf2M-I0YtT-I8OeyPYNS2OCG4REfJzwJ45/s400/inter01.gif" width="400" /></a></div>
<span style="background-color: white; color: #fe75a1; font-family: Tahoma, Arial, Helvetica, sans-serif; font-size: 14px;"><br /></span><br />
<span style="background-color: white; color: #fe75a1; font-family: Tahoma, Arial, Helvetica, sans-serif; font-size: 14px;"><br /></span><br />
<br />
<h1 style="margin-bottom: 10px; margin-left: 0px; margin-right: 0px; margin-top: 0px; padding-bottom: 0px; padding-left: 0px; padding-right: 0px; padding-top: 0px;">
<span style="font-family: Arial, san-serif;"><span style="color: yellow; font-size: 22px; line-height: 26px;">ประวัติความเป็นมา</span></span></h1>
<div>
<br />
<b> ประวัติ อินเตอร์เน็ตต่างประเเทศ </b><br />
นั้นได้ถือกำเนิดก่อตั้งมา เมื่อประมาณ ปีค.ศ.1960 หรือ พ.ศ.2503นั้นเอง ซึ่งเป็นโครงการของ ARPAnet(Advanced Research Projects Agency Network) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่สังกัด กระทรวงกลาโหม ในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยใช้ทางการทหารในสมัยนั้น แต่ ARPAnet ก็ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนกลายมาเป็น อินเตอร์เน็ต (Internet) นั้ ในปัจจุบัน<br />
- ในปี ค.ศ.1969(พ.ศ.2512) ARPAnet ได้รับทุนสนันสนุน จากหลายฝ่าย ซึ่งหนึ่งในผู้สนับสนุนก็คือ Edward Kenedy และเปลี่ยนชื่อจาก ARPA เป็น DARPA(Defense Advanced Research Projects Agency) และก็มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายบางอย่างขึ้นมา<br />
ต่อมาในปีค.ศ.1969(พ.ศ.2512) ได้มีทดลองการเชื่อมต่อ Computerจาก มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย สถาบันวิจัยสแตนฟอร์ด มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย และมหาวิทยาลัยยูทาห์ เข้าหากันเป็นครั้งแรก และการเชื่อมต่อ computer นี้ก็ประสบผลำเร็จ<br />
ค.ศ.1975(พ.ศ.2518) เครือข่ายทดลอง ได้ถูกนำมาเป็นเครือข่ายที่ใช้งานจริงๆจังๆ โดยมี หน่วยการสื่อสารของกองทัพสหรัฐ (Defense Communications Agency – ปัจจุบันคือ Defense Informations Systems Agency) รับหน้าที่รับผิดชอบ โดยตรง แต่ในปัจจุบัน Internet มีคณะทำงานที่รับผิดชอบบริหาร เครือข่ายโดยรวม เช่น ISOC (Internet Society) ดูแลวัตถุประสงค์หลัก, IAB (Internet Architecture Board) พิจารณาอนุมัติมาตรฐานใหม่ในInternet, IETF (Internet Engineering Task Force) พัฒนามาตรฐานที่ใช้กับ Internet ซึ่งเป็นการทำงานโดยอาสาสมัคร ทั้งสิ้น<br />
- ค.ศ.1983(พ.ศ.2526) Protocal TCP/IP (Transmission Control Protocal/Internet Protocal) ได้ถูกนำมาใช้กับคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องในระบบ ทำให้เป็นมาตรฐานของวิธีการติดต่อ ในระบบเครือข่าย Internet และปัจจุบันนี้ ในเครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องที่จะต่อ internet ได้จะต้องเพิ่ม TCP/IP ลงไปเสมอ เพราะ TCP/IP คือข้อกำหนดที่ทำให้คอมพิวเตอร์ทั่วโลก ทุก platform คุยกันรู้เรื่อง และสื่อสารกันได้อย่างถูกต้อง<br />
- การกำหนดชื่อโดเมน (Domain Name System) มีขึ้นเมื่อ ค.ศ.1986(พ.ศ.2529) เพื่อสร้างฐานข้อมูล แบบกระจาย (Distribution database) อยู่ในแต่ละเครือข่าย และให้ ISP(Internet Service Provider) ช่วยจัดทำฐานข้อมูลของตนเอง จึงไม่จำเป็นต้องมีฐานข้อมูลแบบรวมศูนย์ เหมือนแต่ก่อน<br />
- DARPA ได้ทำหน้าที่รับผิดชอบดูแลระบบ internet เรื่อยมาจนถึง ค.ศ.1980(พ.ศ.2533) และให้ มูลนิธิวิทยาศาสตร์แห่งชาติ (National Science Foundation – NSF) เข้ามาดูแลแทนร่วม กับอีกหลายหน่วยงาน<br />
<br />
<span style="color: yellow;"><b></b></span><br />
<span style="color: yellow;"><b>เหตุผลสำคัญที่ทำให้อินเตอร์เน็ตได้รับความนิยมแพร่หลาย คือ</b></span><br />
<div>
<span style="color: yellow;"><b><br /></b></span></div>
<br />
1. การสื่อสารบนอินเตอร์เน็ต ไม่จำกัดระบบปฏิบัติการของเครื่องคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์ที่ต่างระบบปฏิบัติการกันก็สามารถติดต่อ สื่อสารกันได้ เช่น คอมพิวเตอร์ที่มีระบบปฏิบัติการแบบ Windows7 สามารถสื่อสารกับคอมพิวเตอร์ที่มีระบบปฏิบัติการแบบ Macintosh ได้<br />
2.อินเตอร์เน็ต (Internet) ไม่มีข้อจำกัดในเรื่องของระยะทาง ไม่ว่าจะอยู่ภายในอาคารเดียวกัน หรือห่างกันคนละทวีป ข้อมูลก็สามารถส่งผ่านถึง กันได้<br />
3. อินเตอร์เน็ต (Internet) ไม่จำกัดรูปแบบของข้อมูล ซึ่งมีได้ทั้งข้อมูลที่เป็นข้อความอย่างเดียว หรืออาจมีภาพประกอบ รวมไปถึงข้อมูลชนิด มัลติมีเดีย คือมีทั้งภาพเคลื่อนไหวและมีเสียงประกอบด้วยได้<br />
ประวัติความเป็นมา ของอินเทอร์เน็ตในประเทศไทย<br />
ประวัติความเป็นมาของอินเทอเน็ตในประเทศไทย<br />
<br />
<span style="color: yellow;">อินเทอร์เน็ตในประเทศไทย</span><br />
<span style="color: yellow;"><b><br /></b></span><br />
การเชื่อมต่อเข้าสู่อินเตอร์เน็ต (Internet)ของประเทศไทยมีจุดกำเนิดมาจากเครือข่ายคอมพิวเตอร์ระหว่างมหาวิทยาลัย หรือที่เรียกว่า “แคมปัสเน็ตเวอร์ก” ( Campus Network ) เครือข่ายดัง กล่าวได้รับการสนับสนุนจาก “ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ” ( NECTEC ) จนกระทั่งได้ เชื่อมเข้าสู่อินเทอร์เน็ตโดยสมบูรณ์ในเดือนสิงหาคม ปี พ.ศ.2535 พัฒนาการ ประเทศไทยได้เริ่มติดต่อกับอินเทอร์เน็ตโดยใช้ E-mail ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2530 โดยเริ่มที่ “มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่” เป็นแห่งแรก และสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย ภายใต้ความร่วมมือระหว่างไทยและออสเตรเลียในช่วงเวลาต่อมา ในขณะนั้นยังไม่ได้มีการเชื่อมต่อ แบบ On-line หากแต่เป็นการแลกเปลี่ยนข่าวสาร ด้วย E-mail โดยใช้ระบบ MSHnet ละ UUCP โดยทางออสเตรเลียจะโทรศัพท์เชื่อมเข้ามาสู่ระบบวันละ 2 ครั้ง ในปีถัดมา NECTEC ซึ่งอยู่ภายใต้ กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและการพลังงาน ( ชื่อเดิมในขณะนั้น ) ได้จัดสรรทุนดำเนินโครงการ เครือข่ายคอมพิวเตอร์ของสถาบันอุดมศึกษา โดยแบ่ง โครงการออกเป็น 2 ระยะ การดำเนินงานใน ระยะแรกเป็นการเชื่อมโยง 4 หน่วยงาน ได้แก่<br />
- กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ<br />
- จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย<br />
- สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย<br />
- สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าวิทยาเขตเจ้าคุณทหารลาดกระบัง<br />
ระยะที่สองเป็นการเชื่อมต่อสถาบันอุดมศึกษาที่เหลือ คือ<br />
- มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์<br />
- มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์<br />
- มหาวิทยาลัยมหิดล<br />
- มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช<br />
- สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าวิทยาเขตธนบุรี<br />
- สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าวิทยา เขตพระนครเหนือ<br />
- มหาวิทยาลัยเชียงใหม่<br />
- มหาวิทยาลัยขอนแก่น<br />
- มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่<br />
เดือนธันวาคม ปี พ.ศ. 2534 คณะทำงานของ NECTEC ร่วมกับกลุ่มอาจารย์และ นักวิจัยจากสถาบันอุดมศึกษาได้ก่อตั้งกลุ่ม NEWgroup ( NECTEC E-mail Working Group) เพื่อ ประสานงานและแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารด้วย E-mail โดยยังคงอาศัยสถาบัน เทคโนโลยีแห่งเอเชียเป็นทางออกสู่อินเตอร์เน็ต (Internet) ผ่านทางออสเตรเลีย ปี พ.ศ.2538 รัฐบาลไทยได้ประกาศให้เป็นปีแห่งเทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology Year ) เนื่องจากตระหนักถึงความสำคัญของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และการสื่อสารข้อมูลใน ขณะเดียวกันก็มีการดำเนินการจัดวางเครือข่ายความเร็วสูงโดยใช้ใยแก้วนำแสงเพื่อใช้เป็นสายสื่อสาร ไทยสาร เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2535 สำนักวิทยบริการ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้เช่าวงจร สื่อสารความเร็ว 9600บิตต่อวินาที จากการสื่อสารแห่งประเทศไทยเพื่อเชื่อมเข้าสู่อินเตอร์เน็ต (Internet)ที่ “บริษัท ยูยูเน็ตเทคโนโลยี ประเทศสหรัฐอเมริกา” ภายใต้ข้อตกลงกับ NECTEC ในการพัฒนาเครือข่ายอินเตอร์เน็ต (Internet) ของสถาบันอุดมศึกษาเพื่อร่วมใช้วงจรสื่อสาร จนกระทั่งในเดือนธันวาคมปีเดียวกันมีหน่วยงาน 6 แห่งที่ เชื่อมต่อแบบ On-lineโดยสมบูรณ์ ได้แก่ NECTEC ,จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ,สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย ,มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์,มหาวิทยาลัย สงขลานครินทร์ และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เครือข่ายที่ก่อตั้งมี ชื่อว่า “ไทยสาร” ( Thaisarn : Thai Social/scientific ,Academic and Research Network ) หรือ “ไทยสารอินเทอร์เน็ต” ในปี พ.ศ. 2536 NECTEC ได้เช่าวงจรสื่อสารความเร็ว 64 กิโลบิตต่อวินาทีจากการสื่สารแห่งประเทศไทยเพื่อ เพิ่มความสามารถในการขนส่งข้อมูล ทำให้ประเทศไทยมีวงจรสื่อสารระดับ ที่ให้บริการแก่ผู้ใช้ไทยสารอินเทอร์เน็ต 2 วงจร ในปัจจุบันวงจรเชื่อมต่อไปยังต่างประเทศที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ NECTEC ได้รับการปรับปรุงให้มีความ เร็วสูงขึ้นตามลำดับ นับตั้งแต่นั้นมาเครือข่ายไทยสารได้ขยายตัวกว้างขึ้น และมีหน่วยงานอื่นเชื่อมเข้ากับ ไทยสารอีกหลายแห่งในช่วงต่อ มากลุ่มสถาบันอุดมศึกษาประกอบด้วย สำนักวิทยบริการ จุฬาฯ ,สถาบันเทค- -โนโลยีแห่งเอเชีย,มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญได้ร่วมตัวกันเพื่อแบ่งส่วนค่าใช้จ่ายวงจร สื่อสาร โดยเรียกชื่อกลุ่มว่า “ไทยเน็ต” ( THAInet ) สมาชิกส่วนใหญ่ของไทยสาร คือ สถาบันอุดมศึกษา กับหน่วยงานราชการบางหน่วย งาน และ NECTECยังเปิดโอกาสให้กับบุคลากรของหน่วยงานราชการที่ยังไม่มีเครือข่ายภายในเป็นของตัว เองมาขอใช้บริการได้ แต่ทว่ายังมีกลุ่มผู้ที่ต้องการใช้บริการอินเตอร์เน็ต (Internet) อีกเป็นจำนวนมาก ทั้งบริษัทเอกชนและบุคคลทั่วไปซึ่งไม่สามารถใช้บริการ จากไทยสารอินเทอร์เน็ตได้ ทั้งนี้เพราะไทยสารเป็นเครือข่ายเพื่อการศึกษาและวิจัยที่ใช้เงินงบประมาณอุดหนุนจากรัฐภาย ใต้ข้อบังคับของกฏหมายด้านการสื่อสารจึงไม่สามารถให้นิติบุคคลอื่นร่วมใช้เครือข่ายได้<br />
<div>
<br /></div>
<br />
<span style="color: #351c75; font-family: Arial, san-serif;"><span style="font-size: 14px; line-height: 20px;"><b><br /></b></span></span></div>
<span style="color: yellow; font-family: Times, 'Times New Roman', serif; font-size: large;"><span style="line-height: 18px;"><b>มาตรฐานการสื่อสารบนนอินเตอร์เน็ต</b></span></span><br />
<span style="background-color: #ffccff; color: #000066; line-height: 18px;"><span style="font-family: Times, 'Times New Roman', serif;"><br /></span></span><br />
<span style="background-color: white; line-height: 18px;"><span style="font-family: Times, 'Times New Roman', serif;"></span></span><br />
<span style="font-family: Times, 'Times New Roman', serif;"> <b> โปรโตคอล (Protocal) </b></span><br />
<div style="display: inline !important;">
<span style="font-family: Times, 'Times New Roman', serif;">โปรโตคอล คือ ตัวกลางหรือภาษากลางที่ใช้เป็นมาตรฐานในการสื่อสารในเครือข่ายอินเตอร์เน็ต เปรียบเสมือนล่ามที่ใช้แปลภาษาของเครือข่ายต่างๆ ให้สื่อสารเข้าใจกัน เช่น TCP/IP เป็นต้น</span></div>
<br />
<span style="font-family: Times, 'Times New Roman', serif;">ไอพีแอดเดรส (IP Address)</span><br />
<span style="font-family: Times, 'Times New Roman', serif;"> เมื่อเราต้องการสื่อสารกันเราจะต้องรู้จักชื่อ ที่อยู่ของผู้ที่จะติดต่อด้วยในเครือข่ายอินเตอร์เน็ตจะเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์หลายล้านเครื่องเข้าด้วยกัน ฉะนั้นจึงจะต้องมีการกำหนดชื่อหรือเลขประจำเครื่องที่ไม่ซ้ำกันกับเครื่องอื่นๆ ซึ่งรูปแบบการกำหนดเช่นนี้ เรียกว่า ไอพีแอดเดรส (IP Address) โดยไอพีแอดเดส ในปัจจุบัน จะใช้อยู่ 2 มาตรฐาน คือ IPV4 และ IPV6 ยกตัวอย่าง เช่น ไอพีแอดเดรส มาตรฐาน IPV4 ประกอบด้วยตัวเลข 4 ชุด คั่นด้วย (.) เช่น 61.35.42.11 แทน หมายเลขเครื่อง 1 เครื่องในเครือข่ายอินเตอร์เน็ต สำหรับผู้ที่ควบคุมและจัดสรรหมายเลขไอพีแอดเดรสเพื่อไม่ให้ซ้ำกัน เราเรียกองค์กรนั้นว่า อินเตอร์นิก (InterNIC)</span><br />
<span style="font-family: Times, 'Times New Roman', serif;"> <b> โดเมนเนม (Domain Name)</b></span><br />
<br />
<div style="display: inline !important;">
<span style="font-family: Times, 'Times New Roman', serif;">โดเมนเนม คือ ระบบที่นำอักษรมาใช้แทนไอพีแอดเดรสที่เป็นตัวเลขของเครื่องคอมพิวเตอร์ ที่ยากต่อการจดจำ โดยแต่ละโดเมนจะต้องไม่ซ้ำกันเช่นเดียวกับไอพีแอดเดรส การตั้งชื่อโดเมนนิยมตั้งชื่อให้สะดวกต่อการจดจำ เช่น google.co.th เป็นต้น</span></div>
<br />
<span style="font-family: Times, 'Times New Roman', serif;">ความรู้เกี่ยวกับ Domain</span><br />
<span style="font-family: Times, 'Times New Roman', serif;">โดเมนเนม ประกอบด้วย ชื่อองค์กร . ส่วนขยายบอกประเภทองค์กร . ส่วนขยายบอกประเทศ เช่น</span><br />
<span style="font-family: Times, 'Times New Roman', serif;"> google.co.th ประกอบด้วย google แทน บริษัท Google . co ย่อมาจาก commercial (องค์กรเอกชน) . th ย่อมาจาก thailand เป็นต้น</span><br />
<span style="font-family: Times, 'Times New Roman', serif;">อื่นๆ เช่น sisaket.go.th ประกอบด้วย sisaket แทน จังหวัดศรีสะเกษ . go แทน Goverment (ราชการ) . th ประเทศไทย</span><br />
<span style="font-family: Times, 'Times New Roman', serif;"><br /></span><br />
<span style="font-family: Times, 'Times New Roman', serif;"> ตัวอย่างส่วนขยายองค์กร เช่น ac , edu แทน สถาบันทางการศึกษา net แทน องค์กรที่ให้บริการเครือข่ายทั่วไป</span><br />
<span style="font-family: Times, 'Times New Roman', serif;">ตัวอย่างส่วนขยายประเทศ เช่น th : ไทย , uk : อังกฤษ , jp : ญี่ปุ่น, fr : ฝรั่งเศส , de : เยอรมันนี , ca : แคนาดา เป็นต้น</span><span style="color: yellow; font-family: Times, 'Times New Roman', serif; font-size: large;"> </span><br />
<br />
<span style="color: yellow; font-family: Times, 'Times New Roman', serif; font-size: large;"><br /></span><br />
<span style="color: yellow; font-family: Times, 'Times New Roman', serif; font-size: large;"><b>การใช้งาน การเชื่อมต่อแบบต่างๆ</b></span><br />
<br />
<span style="font-family: Times, 'Times New Roman', serif;"> บริการในระบบอินเทอร์เน็ต</span><br />
<span style="font-family: Times, 'Times New Roman', serif;"> เมื่อเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเชื่อมโยงเครือข่ายทั่วโลกให้สามารถติดต่อถึงกันได้หมด จนกลายเป็นเครือข่ายของโลก ดังนั้นจึงมีผู้ใช้งานบนเครือข่ายนี้จำนวนมาก การใช้งานเหล่านี้เป็นสิ่งที่กำลังได้รับการกล่าวถึงกันทั่วไป เพราะการเชื่อมโยงเครือข่ายอินเทอร์เน็ตทำให้โลกไร้พรมแดน ข้อมูลข่าวสารต่างๆสามารถสื่อสารถึงกันได้อย่าง รวดเร็ว ตัวอย่างการประยุกต์ใช้งานบนอินเทอร์เน็ต มีดังนี้</span><br />
<span style="font-family: Times, 'Times New Roman', serif;"><br /></span><br />
<span style="font-family: Times, 'Times New Roman', serif;"> 1 . ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ ( Electronic Mai l : E - mail ) เป็นการรับ – ส่งจดหมายถึงกัน ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต การส่งเอกสารข้อความมีลักษณะเหมือนการส่งจดหมาย แต่ระบบ คอมพิวเตอร์ทำให้งานเองโดยอัตโนมัติทำให้เกิดความสะดวก รวดเร็ว สามารถติดต่อกันได้อย่างทั่วถึงทุกภูมิภาคที่ใช้ เครือข่ายอินเทอร์เน็ต ผู้ใช้จดหมายอิเล็กทรอนิกส์จะต้องมีที่อยู่</span><br />
<span style="font-family: Times, 'Times New Roman', serif;"> ( E - mail address ) เช่น chaiya_3@yahoo . com</span><br />
<span style="font-family: Times, 'Times New Roman', serif;"> 2. การถ่ายโอนข้อมูล ( File Transfer Protocol : FTP)</span><br />
<span style="font-family: Times, 'Times New Roman', serif;">เป็นบริการถ่ายโอนแฟ้มข้อมูล ข่าวสาร บทความ รวมถึงแฟ้มข้อมูลจากเครื่องคอมพิวเตอร์หนึ่งสู่คอมพิวเตอร์อีกเครื่องหนึ่ง ในกรณีที่โอนย้ายแฟ้มข้อมูลจากคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นมาลงในเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราเรียกว่า ดาวน์โหลด ( down load) ส่วนการนำแฟ้มข้อมูลจากเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราไปไว้ยังเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นเรียกว่าอัพโหลด ( up load)</span><br />
<span style="font-family: Times, 'Times New Roman', serif;"> 3 . การเรียกใช้งานบนเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น ( Telnet ) การเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์เข้ากับเครือข่ายทำให้เรา สามารถติดต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เป็นสถานีบริการในที่ห่างไกลได้ถ้าสถานีบริการนั้นยินยอม ทำให้ผู้ใช้สามารถนำข้อมูลไปประมวลผลยังเครื่องคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในเครือข่ายเช่นนักเรียนในประเทศไทยส่งโปรแกรมไปประมวลผลที่เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ตั้งอยู่ที่บริษัทในประเทศญี่ปุ่นผ่านทางระบบเครือข่ายโดยไม่ต้องเดินทางไปเอง</span><br />
<span style="font-family: Times, 'Times New Roman', serif;"> 4. การสนทนา บนเครือข่าย ( chat) เมื่อเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเชื่อมต่อถึงกันได้ทั่วโลก ผู้ใช้จึงสามารถใช้เครือข่ายอินเทอร์เน็ตเป็นตัวกลางในการติดต่อสนทนากันได้ ในยุคแรกใช้วิธีการสนทนากันด้วยตัวหนังสือเพื่อโต้ตอบกันแบบทันทีทันใดบนจอภาพ ต่อมามีผู้พัฒนาให้ใช้เสียงได้ จนถึงปัจจุบัน ถ้าระบบสื่อสารข้อมูลมีความเร็วพอ ก็สามารถสนทนาโดยที่เห็นหน้ากันและกันบนจอภาพได้ สนทนาด้วย MSN</span><br />
<span style="font-family: Times, 'Times New Roman', serif;"> 5. การเรียกค้นข้อมูลข่าวสาร ( search engine) ปัจจุบันมีฐานข้อมูลข่าวสารที่เก็บไว้ให้ใช้งานจำนวนมากฐานข้อมูลบางแห่งเก็บข้อมูลในรูปสิ่งพิมพ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้ใช้สามารถเรียกอ่าน หรือนำมาพิมพ์ ฐานข้อมูลนี้จึงมีลักษณะเหมือนเป็นห้องสมุดขนาดใหญ่อยู่ภายในเครือข่ายที่สามารถค้นหาข้อมูลใดๆ ก็ได้ ฐานข้อมูลในลักษณะนี้เรียกว่า เวิลด์ไวด์เว็บ ( World Wide Web : WWW) ซึ่งเป็นฐานข้อมูลที่เชื่อมโยงกันทั่วโลก</span><br />
<span style="font-family: Times, 'Times New Roman', serif;">ตัวอย่างเวิลด์ไวด์เว็บ ที่ช่วยในการสืบค้นข้อมูล</span><br />
<span style="font-family: Times, 'Times New Roman', serif;">- http://www.google.co.th/</span><br />
<span style="font-family: Times, 'Times New Roman', serif;">- http://www.yahoo.com/</span><br />
<span style="font-family: Times, 'Times New Roman', serif;">- http://www.sanook.com/</span><br />
<span style="font-family: Times, 'Times New Roman', serif;">- http://www.kapook.com/</span><br />
<span style="font-family: Times, 'Times New Roman', serif;"> หรือเราสามารถใช้ตามวีดีโอนี้ </span><br />
<span style="font-family: Times, 'Times New Roman', serif;"> </span><br />
<span style="font-family: Times, 'Times New Roman', serif;"> <iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="http://www.youtube.com/embed/Hv8QE7sVnEE" width="420"></iframe> </span><br />
<br />
<span style="font-size: large;"></span><br />
<span style="font-size: large;"><span style="color: yellow;"><br /></span></span><br />
<div>
<span style="font-size: large;"><span style="color: yellow;"> <b>รูปแบบการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต</b></span></span></div>
<br />
การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบใช้สาย (Wire Internet)<br />
1. การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตรายบุคคล (Individual Connection) การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตรายบุคคล คือ การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตจากที่บ้าน (Home user) ซึ่งยังต้องอาศัยคู่สายโทรศัพท์ในการเข้าสู่เครือข่ายอินเตอร์เน็ต ผู้ใช้ต้องสมัครเป็นสมาชิกกับผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตก่อน จากนั้นจะได้เบอร์โทรศัพท์ของผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต รหัสผู้ใช้ (User name) และรหัสผ่าน(Password) ผู้ใช้จะเข้าสู่ระบบอินเตอร์เน็ตได้โดยใช้โมเด็มที่เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้หมุนไปยังหมายเลขโทรศัพท์ของผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต จากนั้นจึงสามารถใช้ งานอินเตอร์เน็ตได้<br />
<div>
<br /></div>
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhDS0aoFyhVVdvU4rQdom8w5IX_ulgCoEHnjxsA6i43bnOADr8Ufb0o8ZM37wqZ0k8saNTyq0VyWbUXrphmhJCt0T-jcLGs0nHLcl0PV_2j8v9ujk28ce_qm_4_Fo7ZTz8VqMUaiqKKcm2C/s1600/1.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="216" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhDS0aoFyhVVdvU4rQdom8w5IX_ulgCoEHnjxsA6i43bnOADr8Ufb0o8ZM37wqZ0k8saNTyq0VyWbUXrphmhJCt0T-jcLGs0nHLcl0PV_2j8v9ujk28ce_qm_4_Fo7ZTz8VqMUaiqKKcm2C/s400/1.jpg" width="400" /></a></div>
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
องค์ประกอบของการใช้อินเตอร์เน็ตรายบุคคล<br />
1. โทรศัพท์<br />
2. เครื่องคอมพิวเตอร์<br />
3. ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ซึ่งจะให้เบอร์โทรศัพท์ รหัสผู้ใช้และรหัสผ่าน<br />
4. โมเด็ม (Modem)<br />
2. การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตแบบองค์กร (Corporate Connection) การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบองค์กรนี้จะพบได้ทั่วไปตามหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน หน่วยงานต่างๆ เหล่านี้จะมีเครือข่ายท้องถิ่น (Local Area Network : LAN) เป็นของตัวเอง ซึ่งเครือข่าย LAN นี้เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตตลอดเวลา ผ่านสายเช่า (Leased line) ดังนั้น บุคลากรในหน่วยงานจึงสามารถใช้อินเตอร์เน็ตได้ตลอดเวลา การใช้อินเตอร์เน็ตผ่านระบบ LAN ไม่มีการสร้างการเชื่อมต่อ(Connection) เหมือนผู้ใช้รายบุคคลที่ยังต้องอาศัยคู่สายโทรศัพท์ในการเข้าสู่เครือข่ายอินเตอร์เน็ต<br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiFV6OA3p74OFu30ChY95AN_y8gweC7ipfepRiW6rLzgWRvFhJ1lThwnGZ7mb9w8ylV3Y6b3e3xyetAp-3BERcMRMuxseDnBe2Bk00xmqI5qNeA_WXhGmnKn4RdBRx4HWTMxH5xpDPy1dCE/s1600/2.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="272" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiFV6OA3p74OFu30ChY95AN_y8gweC7ipfepRiW6rLzgWRvFhJ1lThwnGZ7mb9w8ylV3Y6b3e3xyetAp-3BERcMRMuxseDnBe2Bk00xmqI5qNeA_WXhGmnKn4RdBRx4HWTMxH5xpDPy1dCE/s400/2.jpg" width="400" /></a></div>
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตแบบไร้สาย (Wireless Internet)<br />
1. การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตแบบไร้สายผ่านเครื่องโทรศัพท์บ้านเคลื่อนที่ PCT เป็นการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก (Note book) และคอมพิวเตอร์แบบพกพา (Pocket PC) ผู้ใช้จะต้องมี โมเด็มชนิด PCMCIA ของ PCT ผู้ใช้สามารถใช้อินเทอร์เน็ตไร้ได้ ในเขตกรุงเทพ และปริมณฑลได้<br />
2. การใช้งานอินเตอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือโดยตรง (Mobile Internet)<br />
2. 1 WAP (Wireless Application Protocol) เป็นโปรโตคอลมาตรฐานของอุปกรณ์ไร้สายที่ใช้งานบนอินเตอร์เน็ต ใช้ภาษา WML (Wireless Markup Language) ในการพัฒนาขึ้นมา แทนการใช้ภาษา HTML (Hypertext markup Language) ที่พบใน www โทรศัพท์มือถือปัจจุบัน หลายๆยี่ห้อ จะสนับสนุนการใช้ WAP เพื่อท่องอินเตอร์เน็ต ซึ่งมีความเร็วในการรับส่งข้อมูลที่ 9.6 kbps และการใช้ WAP ท่องอินเตอร์เน็ตนั้น จะมีการคิดอัตราค่าบริการเป็นนาทีซึ่งยังมีราคาแพง<br />
2.2 GPRS (General Packet Radio Service) เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นเพื่อให้โทรศัพท์มือถือสามารถเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตด้วยความเร็วสูง และสามารถส่งข้อมูลได้ในรูปแบบของมัลติมีเดีย ซึ่งประกอบด้วย ข้อความ ภาพกราฟิก เสียง และวีดิโอ ความเร็วในการรับส่งข้อมูลด้วยโทรศัพท์ที่สนับสนุน GPRS อยู่ที่ 40 kbps ซึ่งใกล้เคียงกับโมเด็มมาตรฐานซึ่งมีความเร็ว 56 kbps อัตราค่าใช้บริการคิดตามปริมาณข้อมูลที่รับ-ส่ง ตามจริง ดังนั้นจึงทำให้ประหยัดกว่าการใช้ WAP และยังสื่อสารได้รวดเร็วขึ้นด้วย<br />
2. 3 โทรศัพท์ระบบ CDMA (Code Division Multiple Access) ระบบ CDMA นั้น สามารถรองรับการสื่อสารไร้สายความเร็วสูงได้เป็นอย่างดี โดยสามารถทำการรับส่งข้อมูลได้สูงสุด 153 Kbpsซึ่งมากกว่าโมเด็มที่ใช้กับโทรศัพท์ตามบ้านที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้เพียง56 kbps นอกจากนี้ ระบบ CDMA ยังสนับสนุนการส่งข้อมูลระบบมัลติมีเดียได้ด้วย<br />
2. 4 เทคโนโลยี บลูทูธ (Bluetooth Technology) เทคโนโลยีบลูทูธถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อใช้กับการสื่อสารแบบไร้สาย โดยใช้หลักการการส่งคลื่นวิทยุ ที่อยู่ในย่านความถี่ระหว่าง 2.4 - 2.4 GHz ในปัจจุบันนี้ได้มีการผลิตผลิตภัณฑ์ต่างๆที่ใช้เทคโนโลยีไร้สายบลูธูทเพื่อใช้ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หลายๆชนิด เช่น โทรศัพท์เคลื่อนที่ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค คอมพิวเตอร์พ็อคเก็ตพีซี<br />
<br />
<br />
3. การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วยโน้ตบุ๊ก(Note book) และ เครื่องปาล์ม (Palm)<br />
ผ่าน โทรศัพท์มือถือที่สนับสนุนระบบ GPRS โทรศัพท์มือถือที่สนับสนุน GPRS จะทำหน้าที่เสมือนเป็นโมเด็มให้กับอุปกรณ์ที่นำมาพ่วงต่อ ไม่ว่าจะเป็น Note Book หรือ Palm และในปัจจุบันบริษัทที่ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้มีการผลิต SIM card ที่เป็น Internet SIM สำหรับโทรศัพท์มือถือเพื่อให้สามารถติดต่อกับอินเทอร์เน็ตได้สะดวกและรวดเร็วมากขึ้น<br />
<div>
<br />
<b><br /></b></div>
<span style="color: yellow;"></span><br />
<span style="color: yellow;"><span style="font-size: large;"><b>ประโยชน์ของการใช้อินเตอร์เน็ต</b></span></span><br />
<br />
<br />
ปัจจุบันได้มีการนำเอาอินเตอร์เน็ตมาใช้ประโยชน์อย่างหลากหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การนำเอามาประยุกต์ใช้กับภาคธุรกิจ เนื่องจากอินเตอร์เน็ตถือเป็นช่องทางหนึ่งที่สำคัญเพื่อประโยชน์ในการสื่อสารทางการตลาดให้กับธุรกิจ นอกเหนือจากเครื่องมือสื่อสารอื่นๆทางการตลาด ในการสื่อสารทางการตลาดแบบบูรณาการ เช่นการนำอินเตอร์เน็ตมาใช้เป็นเครื่องมือที่ช่วยประชาสัมพันธ์ได้อย่างหลากหลาย ช่วยเรื่องการติดต่อทางธุรกิจเป็นไปอย่างรวดเร็ว ด้วยจดหมายอิเล็กทรอนิกส์การสนทนาผ่านโปรแกรม chat หรือ VDO Conference การชำระเงินค่าสินค้าบริการผ่านอินเตอร์เน็ต ช่วยค้นหาข้อมูลทางธุรกิจ เป็นต้น อินเตอร์เน็ตช่วยสร้างโอกาศทางธุรกิจในหลายๆด้านได้แก่<br />
<br />
<br />
1. อินเตอร์เน็ตเปรียบเสมือนสำนักงานออนไลน์ ที่สามารถเปิดขายสินค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่มีวันหยุด<br />
2. อินเตอร์เน็ตช่วยให้เรานำสินค้าเปิดสู่ตลาดโลกได้โดยง่าย<br />
3. อินเตอร์เน็ตช่วยให้สามารถเข้าถึงลูกค้าได้อย่างสะดวกรวดเร็ว<br />
4.อินเตอร์เน็ตช่วยให้สามารถสร้างเครือข่ายธุรกิจ นอกจากการเปิดเว็บไซต์เพื่อขายสินค้าของตนเองแล้ว อินเตอร์เน็ตยังสามารถช่วยเหลือทางด้านการค้าได้จากการฝากขายสินค้าของตนผ่านเว็บไซต์อื่น<br />
5. อินเตอร์เน็ตช่วยให้เราสามารถแบ่งแยกหมวดหมู่ได้ตรงเป้าหมาย<br />
6. อินเตอร์เน็ตช่วยสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน<br />
<br />
<br />
<span style="color: yellow; font-size: large;"><b>ภัยจากอินเตอร์เน็ต</b></span><br />
<span style="color: yellow; font-size: large;"><br /></span><br />
<span style="background-color: #f4cccc;"></span><br />
ภัยจากอินเตอร์เน็ต แอบแฝงมากับคุณอันมหันต์ของโลกออนไลน์ โลกที่เต็มไปด้วยข้อมูลอันมหาศาล โลกที่ถูกย่อด้วยการสื่อสารไร้พรมแดน หรือจะเป็นแหล่งขุมทรัพย์..<br />
<br />
คงจะเคยฟังหรืออ่านข่าว ภัยจากอินเตอร์เน็ต กันอยู่บ้าง อินเตอร์เน็ตในโลกยุกต์ปัจจุบันคือแหล่งของจ้อมูลอันมหาศาล แหล่งที่หลายๆ คนเข้ามาใช้สรรหาผลประโยชน์ แหล่งที่ นักเรียน นักศึกษา ใช้ค้นคว้าหาข้อมูลประกอบการเรียน แต่ก็เป็นแหล่งที่เหล่ามิจฉาชีพแฝงตัวมาหาผลประโยชน์เช่นกัน จนบางครั้งก็รู้สึกหวั่นกับ ภัยจากอินเตอร์เน็ต อยู่เหมือนกัน<br />
<br />
หลังจากคลุกคลีอยู่ในโลกอินเตอร์เน็ต จนแทบจะได้ว่าลืมโลกแห่งความเป็นจริงไปแล้ว จนวันนี้ไม่รู้เป็นไงมีความรู้สึกอยากจะเขียนบันทึกเรื่อง ภัยจากอินเตอร์เน็ต ไว้ในเว็บดูบ้าง ดูเป็นสีสันของเว็บ เอาเป็นเรื่องชนิดผ่านหูผ่านตา เรื่องประสบการณ์ที่เจอมามันดูจะคุยกันได้เป็นธรรมชาติมากกว่าจะพูดเรื่อง ทฤษฎี<br />
<br />
<b>ฟิชชิง (Phishing)</b><br />
เจ้า ฟิชชิง (Phishing) จัดว่ามันเป็น ภัยจากอินเตอร์เน็ต ที่ค่อนข้างน่ากลัวทีเดียว วิธีการก็คือมิจฉาชีพอาจจะสร้าง E-Mail หลอกๆ เช่นอาจจะเป็น E-Mail จากธนาคารให้เราคลิกลิงค์เพื่อเข้าไปที่หน้าเว็บที่ทำขึ้นมาหลอกๆ แต่เหมือนเว็บจริงมากๆๆ จุดประสงค์ห็เพื่อให้เรากรอกเข้อมูลอธิเช่น หมายเลขบัตรเครดิต รหัสผ่าน ชื่อผู้ใช้ คงไม่ต้องเอ่ยถึงว่ามิจฉาชีพจะเอาข้อมูลเหล่านี้ไปทำอะไร แต่ก็ใจชื้นขึ้นมาเยอะเมื่อทุกๆ ธนาคารในเมืองไทยนำระบบแจ้งหมายเลข OTP เพื่อคุ้มครองเจ้าของบัญชี อันนี้คงจะพูดได้ว่า โลกออนไลน์ให้ความสะดวกแต่ก็ต้องระวัง ภัยจากอินเตอร์เน็ต เช่นกัน<br />
<br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjOsQgjrf7XemS6YqFVkwlLh9LrzGcGnH24Dh8l2548fKAGx_CsPEmBPPX3L0cYPs8vqPWj60Rkoz2cer-15mu7j67gcM3X6xLVBvUvv0WPLm_H_kSLZgGbi-ikxuEr-xijZkY0VSmdsrIp/s1600/Children_Internet.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="219" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjOsQgjrf7XemS6YqFVkwlLh9LrzGcGnH24Dh8l2548fKAGx_CsPEmBPPX3L0cYPs8vqPWj60Rkoz2cer-15mu7j67gcM3X6xLVBvUvv0WPLm_H_kSLZgGbi-ikxuEr-xijZkY0VSmdsrIp/s320/Children_Internet.jpg" width="320" /></a></div>
<br />
<div style="text-align: center;">
เด็กใช้อินเตอร์เน็ตเป็นแหล่งเรียนรู้</div>
<div style="text-align: left;">
<br /></div>
<br />
<b>ม้าโทรจัน </b><br />
ม้าโทรจัน คือ โปรแกรมที่ซ่อนตัวอยู่ในฮาร์ดดิสก์ด้วยฝีมือของแฮคเกอร์ ที่อาจส่งโค้ดแฝงมากับไฟล์แนบท้ายอีเมล การทำงานของโทรจันก็เหมือนกับเรื่องเล่าของกรีก ที่ว่าด้วยกลอุบายซ่อนทหารไว้ในม้าไม้ขนาดใหญ่ และนำไปมอบให้กับชาวเมืองทรอย (Trojans) พอตกกลางคืน ทหารกรีกที่ซ่อนตัวอยู่ในม้าไม้ก็ลอบออกมาเปิดประตูเมืองให้พวกของตนบุกเข้าตีเมืองทรอยได้อย่างง่ายดาย เปรียบได้กับแฮคเกอร์ที่ส่งโปรแกรมลึกลับ (ม้าโทรจัน) มาคอยดักเก็บข้อมูลในพีซีของคุณ แล้วส่งออกไปโดยที่คุณไม่รู้ตัวนั่นเอง<br />
Trojan Horse เป็นโปรแกรมที่ถูกเขียนขึ้นมาให้ทำตัวเหมือนว่าเป็นโปรแกรมธรรมดาทั่ว ๆ ไป เพื่อหลอกล่อผู้ใช้ให้ทำการเรียกขึ้นมาทำงาน แต่เมื่อถูกเรียกขึ้นมาแล้ว ก็จะเริ่มทำลายตามที่โปรแกรมมาทันที ม้าโทรจันบางตัวถูกเขียนขึ้นมาใหม่ทั้งชุด โดยคนเขียนจะทำการตั้งชื่อโปรแกรมพร้อมชื่อรุ่นและคำอธิบาย การใช้งานที่ดูสมจริง เพื่อหลอกให้คนที่จะเรียกใช้ตายใจ จุดประสงค์ของคนเขียนม้าโทรจันอาจจะเช่นเดียวกับคนเขียนไวรัส คือ เข้าไปทำอันตรายต่อข้อมูลที่มีอยู่ในเครื่อง หรืออาจมีจุดประสงค์เพื่อที่จะล้วงเอาความลับของระบบคอมพิวเตอร์ ม้าโทรจันนี้อาจจะถือว่าไม่ใช่ไวรัส เพราะเป็นโปรแกรมที่ถูกเขียนขึ้นมาโดด ๆ และจะไม่มีการเข้าไปติดในโปรแกรมอื่นเพื่อสำเนาตัวเอง แต่จะใช้ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของผู้ใช้เป็นตัวแพร่ระบาดซอฟต์แวร์ที่มี ม้าโทรจันอยู่ในนั้น และนับว่าเป็นหนึ่งในประเภทของโปรแกรมที่มีความอันตรายสูง เพราะยากที่จะตรวจสอบและสร้างขึ้นมาได้ง่าย ซึ่งอาจใช้แค่แบตซ์ไฟล์ก็สามารถโปรแกรมประเภทม้าโทรจันได้<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<div style="background-color: white; font-family: Arial, san-serif; font-size: 14px; line-height: 20px;">
<br />
<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="http://www.youtube.com/embed/iQRR1gc-g6k" width="420"></iframe><br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
แหล่งข้อมูลอ้างอิงเรื่อง<strong> ที่มา</strong><strong><strong>อินเตอร์เน็ต </strong><strong><strong>(Internet)</strong></strong></strong></div>
<div style="background-color: white; font-family: Arial, san-serif; font-size: 14px; line-height: 20px;">
<strong><strong><strong></strong></strong></strong>http://www.krujongrak.com/internet/internet.html</div>
<div style="background-color: white; font-family: Arial, san-serif; font-size: 14px; line-height: 20px;">
http://www.thaigoodview.com/library/teachershow/poonsak/i</div>
http://school.obec.go.th/phusing/html/chapter1.htm<br />
http://business-online.tht.in/benefits.html<br />
http://www.babyhunsa.com/<br />
http://www.youtube.com/watch?v=iQRR1gc-g6k<br />
<br />
<br />Unknownhttp://www.blogger.com/profile/02289081355215787853noreply@blogger.com0