สวย

วันเสาร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ความรู้เกี่ยวกับ Social Network

    



 ความหมายของ Social Network  


    
        Social Network  คือ  การที่ผู้คนสามารถทำความรู้จัก  และเชื่อมโยงกันในทิศทางหนึ่ง  หากเป็นเว็บไซค์ที่เรียกว่าเว็บ 
Social Network  คือเว็บที่เชื่อมโยงผู้คนไว้ด้วยกันนั้นเอง








         
    ความสำคัญ ของ Social Network


      ในปัจจุบันนี้ใคร ๆ ก็มีเครือข่ายออนไลน์กันทั้งนั้น… ไม่ว่าจะเป็นเฟชบุ๊ค (Facebook) , ทวิตเตอร์ (Twitter) หรืออื่น ๆ มากมาย จากความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนสู่เพื่อนกลายเป็นความสัมพันธ์ของกลุ่มสังคม และเป็นความสัมพันธ์ที่กว้างไกลไปทั้งโลก… นี่คือความมหัศจรรย์ของเครือข่ายบนโลกออนไลน์
       เมื่อสิบปีที่แล้ว คงไม่มีใครคาดคิดว่ามันจะกลายมามีอิทธิพลต่อชีวิตของมนุษย์เราขนาดนี้…….. ในปี 2010 ที่ทั่วโลกเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจถดถอย แต่ในโลกของวงการอินเทอร์เน็ตกลับไม่ได้ถดถอยลงเลย สังเกตุได้จากในปีที่ผ่านมา Social Network เริ่มเข้ามามีบทบาทและมีอิทธิพลกับชีวิตประจำวันของเรามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการใช้ Facebook , Twitter เราจะเริ่มเห็นการอ้างอิงแหล่งข้อมูลจะมาจากเว็บประเภท Social Network หรือ Blog Marketing กันมากขึ้น
       โลกได้เปลี่ยนไปแล้วอย่างที่ไม่มีวันหวนกลับคืน คุณจะไม่มีวันหนีโลก “ออนไลน์” พ้น ในวันหนึ่งชีวิตของตัวคุณจะต้องถูก “ดิจิไทซ์” และกลายเป็นส่วนหนึ่งของโลก “ออนไลน์” หลังจากนี้ เครื่องคอมพิวเตอร์พีซีจะถึงกาลอวสานของมัน มนุษย์ทุกคนจะมีเครื่องโน๊ตบุ๊ก เน็ตบุ๊ก หรืออะไรที่ใกล้เคียง เช่น โทรศัพท์มือถือ ที่สามารถพกพาติดตัวไปได้ตลอดเวลา และ “ออนไลน์” ได้ตลอดเวลา……… กระแสที่กำลังเกิดขึ้นในหลากหลายประเทศที่ว่า “การเข้าถึงอินเตอร์เน็ตเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของพลเมือง” จะกลายเป็นกระแสโลก และก่อนที่คุณจะรู้ตัว คุณก็จะพบว่ารอบตัวของคุณได้กลายเป็นสังคมเครือข่ายแบบ “ออนไลน์” กันไปหมดแล้ว








ความเป็นมาของ Social Network

        จุดเริ่มต้นของสังคมออนไลน์เกิดขึ้นจากเว็บไซต์ Classmates.com
เมื่อปี 1995 และเว็บไซต์SixDegrees.com ในปี 1997 ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่จำกัดการใช้งานเฉพาะนักเรียนที่เรียนในโรงเรียนเดียวกัน เพื่อสร้างประวัติ ข้อมูลการสื่อสาร ส่งข้อความ และแลกเปลี่ยนข้อมูลที่สนใจร่วมกันระหว่างเพื่อนนักเรียนในลิสต์เท่านั้น ต่อมาในปี 1999 เว็บไซต์ epinions.com ที่พัฒนาโดย Jonathan Bishop ก็ได้มีการเพิ่มฟังก์ชั่นในส่วนของการที่ผู้ใช้สามารถควบคุมเนื้อหาและติดต่อถึงกันได้ ไม่เพียงแต่เพื่อนในรายชื่อเท่านั้น



        ประเภทของ Social Network     


       1 .Identity Network เผยแพร่ตัวตน เช่น Hi5, MySpace, Facebook เป็นต้น ใช้สำหรับนำเสนอตัวตน และเผยแพร่เรื่องราวของตนเองทางอินเตอร์เน็ทสามารถสร้างอัลบั้มรูปของตัวเอง สร้างกลุ่มเพื่อน และสร้างเครือข่ายขึ้นมาได้
        2. Creative Network เผยแพร่ผลงาน เช่น YouTube,Flickr, Multiply เป็นต้น สามารถนำเสนอผลงานของตัวเองได้ในรูปแบบของวีดีโอ ภาพ หรือเสียงเพลง
        3. Interested Network ความสนใจตรงกัน เช่น del.icio.us, Digg, Zickr เป็นต้น
del.icio.us เป็น Online Bookmarking หรือ Social Bookmarking โดยเป็นการ Bookmark เว็บที่เราสนใจไว้บนอินเทอร์เน็ตสามารถแบ่งปันให้คนอื่นดูได้และยังสามารถบอกความนิยมของเว็บไซด์ต่างๆได้ โดยการดูจากจำนวนตัวเลขที่เว็บไซต์นั้นถูก Bookmark เอาไว้จากสมาชิกคนอื่นๆ
Digg นั้นคล้ายกับ del.icio.us แต่จะมีให้ลงคะแนนแต่ละเว็บไซด์ และมีการ Comment ในแต่ละเรื่อง
Zickr ถูกพัฒนาขึ้นมาโดยคนไทย เป็นเว็บลักษณะเดียวกับ Digg แต่เป็นภาษาไทย
       4. Collaboration Network ร่วมกันทำงาน คือเป็นการร่วมกันพัฒนาซอฟต์แวร์หรือส่วนต่างๆของซอฟต์แวร์ เช่น WikiPedia ,Google Maps เป็นต้น
WikiPedia เเป็นสารานุกรมออนไลน์ขนาดใหญ่ที่รวบรวมความรู้ ข่าวสาร และเหตุการณ์ต่างๆ ไว้มากมาย
        ปัจจุบันเราสามารถใช้ Google Maps สร้างแผนที่ของตัวเอง หรือจะแบ่งปันแผนที่ให้คนอื่นได้ใช้ด้วย จึงทำให้มีสถานที่สำคัญ หรือสถานที่ต่างๆ ถูกปักหมุดเอาไว้ พร้อมกับข้อมูลของสถานที่นั้นๆ ไว้แสดงผลจากการค้นหา
        5. Gaming/Virtual Reality โลกเสมือน เช่น SecondLife ,World WarCraft
ตัวอย่างของโลกเสมือนนี้ มันก็คือเกมส์ออนไลน์นั่นเองครับ SecondLife เป็นโลกเสมือนจริง สามารถสร้างตัวละครโดยสมมุติให้เป็นตัวเราเองขึ้นมาได้ ใช้ชีวิตอยู่ในเกมส์ อยู่ในชุมชนเสมือน (Virtual Community) สามารถซื้อขายที่ดิน และหารายได้จากการทำกิจกรรมต่างๆ ได้
        6. Peer to Peer (P2P) เช่น Skype, BitTorrent เป็นต้น
P2P เป็นการเชื่อมต่อกันระหว่าง Client (เครื่องผู้ใช้, เครื่องลูกข่าย) กับ Client โดยตรง โปรแกรม Skype จึงได้นำหลักการนี้มาใช้เป็นโปรแกรมสนทนาผ่านอินเตอร์เน็ต และก็มี BitTorrent เกิดขึ้นมาเป็นเทคโนโลยีที่ทำให้เกิดการแบ่งปันไฟล์ต่างๆ ได้อย่างกว้างขวาง และรวดเร็ว แต่ทว่ามันก็ก่อให้เกิดปัญหาเรื่องการละเมิดลิขสิ


     


           
ข้อดีของ Social Network




-  สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้ในสิ่งที่สนใจร่วมกันได้
เป็นคลังข้อมูลความรู้ขนาดย่อมเพราะเราสามารถเสนอและแสดงความคิดเห็น แลกเปลี่ยนความรู้ หรือ
-  ตั้งคำถามในเรื่องต่างๆ เพื่อให้บุคคลอื่นที่สนใจหรือมีคำตอบได้ช่วยกันตอบ
-   ประหยัดค่าใช้จ่ายในการติดต่อสื่อสารกับคนอื่น สะดวกและรวดเร็ว
-  เป็นสื่อในการนำเสนอผลงานของตัวเอง เช่น งานเขียน รูปภาพ วีดิโอต่างๆ เพื่อให้ผู้อื่นได้เข้ามารับชมและแสดงความคิดเห็น
-  ใช้เป็นสื่อในการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ หรือบริการลูกค้าสำหรับบริษัทและองค์กรต่างๆ ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้า
- ช่วยสร้างผลงานและรายได้ให้แก่ผู้ใช้งาน เกิดการจ้างงานแบบใหม่ๆ ขึ้น


         
ข้อเสียของ Social Network     




-    เป็นช่องทางในการถูกละเมิดลิขสิทธิ์ ขโมยผลงาน หรือถูกแอบอ้าง เพราะ Social Network Service
-   เป็นสื่อในการเผยแพร่ผลงาน รูปภาพต่างๆ ของเราให้บุคคลอื่นได้ดูและแสดงความคิดเห็น
ข้อมูลที่ต้องกรอกเพื่อสมัครสมาชิกและแสดงบนเว็บไซต์ในรูปแบบ Social Network ยากแก่การตรวจสอบว่าจริงหรือไม่ ดังนั้นอาจเกิดปัญหาเกี่ยวกับเว็บไซต์ที่กำหนดอายุการสมัครสมาชิก หรือการถูกหลอกโดยบุคคลที่ไม่มีตัวตนได้
-   เป็นช่องทางในการถูกละเมิดลิขสิทธิ์ ขโมยผลงาน หรือถูกแอบอ้าง เพราะ Social Network Service
-  เป็นสื่อในการเผยแพร่ผลงาน รูปภาพต่างๆ ของเราให้บุคคลอื่นได้ดูและแสดงความคิดเห็น
***สรุป
        เรื่องของ Social Network นั้นไม่ใช่เรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นมาใหม่ แต่เป็นเรื่องที่แทรกซึมเข้ามาสู่ชีวิตประจำวันของเราทีละน้อยแบบไม่รู้ตัวมานานแล้ว เว็บไซต์ที่เราเข้าไปใช้งานเกือบทุกเว็บได้ผันตัวเองจากผู้ให้บริการข้อมูล มาเป็นผู้ให้บริการระบบที่เปิดโอกาสให้สมาชิกได้เข้ามามีส่วนร่วมในการผลิตข้อมูลด้วยตัวเอง จนกระทั่งเป็น Social Network Site หรือเว็บไซต์ชุมชุนออนไลน์ อย่างสมบูรณ์แบบในที่สุด
       Social Network Service นั้นเป็นการบริการเครือข่ายสังคมออนไลน์บนเว็บไซต์ที่เปิดให้ผู้คนหลากหลายเข้ามาใช้บริการร่วมกัน ให้กลุ่มคนเหล่านั้นสามารถทำความรู้จัก แลกเปลี่ยนความคิดเห็นหรือเชื่อมโยงข้อมูลกิจกรรมความสนใจในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง โดยในบริการสังคมออนไลน์นั้นมักจะประกอบไปด้วย การส่งข้อความ ภาพ เสียง วิดีโอ เป็นต้น


     Social Network ยังเป็นรูปแบบการใช้ชีวิตแบบใหม่ที่ลบขีดจำกัดทางด้านเวลา ระยะทาง และงบประมาณฯ จึงได้รับการตอบรับอย่างรวดเร็ว ซึ่งในประโยชน์ที่มีมากมายนั้น ก็มีโทษอยู่มากมายเช่นกัน ดังนั้น ก่อนที่เราจะเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการใช้เว็บไซต์ Social Network ใดก็ตาม ก็ควรที่จะทำการศึกษาเรื่องของการรักษาความปลอดภัยด้านข้อมูลความเป็นส่วนตัวของตนให้ดีซะก่อน มิฉะนั้นอาจเกิดปัญหาโจรกรรมหรืออาชญากรรมในภายหลังได้นะคะ


*หากต้องการรู้จักและเข้าใจเรื่องราวของ Social Network มากยิ่งขึ้นก็สามารถรับชมวิดีโอ
ด้านล่างนี้ได้








เรื่องของ    Social Network  ตอนที่  1

                            






เรื่องของ    Social Network  ตอนที่ 2




       




                                                                                                                  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น